ReadyPlanet.com
dot
Line ID
dot


6) ถอดรหัสสายพานทนสึก

  ตอนที่ 5 ถอดรหัสสายพานทนสึก(Wear Resistance Belt)

ตอนนี้เป็นเรื่องของผิวสายพานทนสึกล้วนๆเราจะพูดถึงเนื้อหาในหัวข้อที่ 1.1 นะครับ  สายพานทนสึก(Wear Resistance Conveyor Belt) หรืออีกอยางหนึ่งจะเรียกว่า สายพาน 

 

ประเภทใช้งานทั่วไป (General Use Conveyor Belt)   

 

ผิวของสายพาน (Rubber Cover) แบบเรียบลอกออกมาให้ดู

 

 v 5.1 ขอเอาเรื่องราวบทก่อนๆมา ทบทวนเผื่อว่าบางท่านได้มาอ่านบทความนี้ก่อนจะได้เข้าใจเนื้อหาได้เลยไม่ต้องย้อนอ่านบทความก่อนหน้านี้ไปมา เริ่มด้วย สายพาน ประเภทใช้งานทั่วไป(General Use Conveyor Belt) หรือเรียกกันว่า สายพานทนสึก (Wear  Resistance Conveyor Belt)รูปร่างภายนอกสีดำๆอย่างที่เห็นเป็นสายพานที่ใช้กันมากที่สุดในประเทศไทยน่าจะ มากกว่า 80%ขึ้นไป หากเราแยกจะคุณภาพของสายพานโดยใช้ตาดู หูฟังคงแยกไม่ออกและทำไม่ได้อย่างแน่นอน เอาเครื่องวัดความแข็งมาวัดก็ไม่ใช่วาระของเรื่อง ถ้าอยากรู้แยกความแตกต่างแบบบ้านๆต้องใช้เครื่องขัดผ้าทรายลองขัดดู ก็จะได้ความว่าถ้าเป็นเกรด จะขัดผิวออกยากกว่าเกรด Pอย่างไรก็ตามเพื่อให้มีอะไรเป็นมาตรฐานอ้างอิงกันไว้บ้าง จึงมีผู้ทำมาตรฐานผิวยางของสายพานทนสึก (Wear  Resistance Conveyor Belt)โดยมีการจัดเกรดจากทั้งค่าย ยุโรป อเมริกา(RMA) ญี่ปุ่น (JIS) ออสเตรเลีย (AS), ISO, South Africa แต่ที่อ้างอิงกันบ่อยๆคือ เป็นของ DIN จาก ประเทศเยอรมนี ปัจจัยที่นำมากำหนดมีแค่ 3 ปัจจัยคือ

Min.elongation at break (%)

Min.tensile strength  (N/mm2)

Max.wear loss (mm3)

แต่ละตัวมันมีค่ากำหนดยังไงกันบ้างดูรายละเอียดตามตารางข้างล่างได้เลยครับ

คุณสมบัติผิวสายพาน ประเภททนสึกหรอ(  Wear Resistance )

Rubber   Cover  Property

USE IN THAILAND

    ISO 10247

   DIN 22102 ,1991

 

 

 (คุณสมบัติของผิวยาง)

M

N

P

H

D

L

W

X

Y

Z

Min.elongation at break (%)

450

400

300

450

400

350

400

450

400

350

Min.tensile strength  (N/mm2)

18

14

8

24

18

15

18

25

20

15

Max.wear loss (mm3)

200

250

400

120

100

200

90

120

150

250

 

 

ต้องหมายเหตุให้ทราบกันนิดหน่อยว่าที่ พูดกันทั่วเมืองไทยว่าผิวสายพานมี Grade M-N-P นั้น แต่เดิมเกรด และเกรดเป็นมาตรฐาน DIN ของเยอรมนี แต่ปัจจุบันเขาเลิกใช้ไปนานแล้ว (ใช้เกรด W-X-Y-Z         แทน) แต่พวกเรายังอนุรักษ์ไว้อยู่ ดังนั้น Grade M-N-P ก็ยังฮิตในบ้านเราอยู่ ส่วนเกรด ผู้เขียนยังหาที่มาที่ไปไม่ได้ ว่ามันเกิดอย่างไร รู้แต่ว่ามันมีชีวิตอยู่ดีในปัจจุบันหากหาที่เกิดได้เมื่อไหร่จะรีบมาบอกต่อนะครับ

 

Standards

Cover Rubber

Adhesion

Tensile Strength

Elongation at break

Abrasion

Cover to Ply

Cover to Ply

Ply to Ply

DIN 22102

Mpa

%

mm3

N/mm       (≤1.5mm)

N/mm  (>1.5mm)

N/mm

DIN 22102-Z

15

350

250

3.5

4.5

5

DIN 22102-W

18

400

90

3.5

4.5

5

DIN 22102-Y

20

400

150

3.5

4.5

5

DIN 22102-X

25

450

120

3.5

4.5

5

 

Standards

Cover Rubber

Adhesion

Tensile Strength

Elongation at break

Abrasion

Cover to Ply

Cover to Ply

Ply to Ply

AS 1332

Mpa

%

mm3

N/mm       (≤1.9mm)

N/mm  (>1.9mm)

N/mm

AS 1332-N17

17

400

200

4

4.8

6

AS 1332-M24

24

450

125

4

4.8

6

 

 

 

 

 

Cover Rubber

Adhesion

Tensile Strength

Elongation at break

Abrasion

Cover to Ply

Cover to Ply

Ply to Ply

RMA

Mpa

%

mm3

N/mm   (≤1.6mm)

N/mm  (>1.6mm)

N/mm

RMA-I

17

400

 200

3

4.4

4

RMA-II

14

400

 250

3

4.4

4

 

จากตารางหลากหลายที่เห็นอยู่ข้างบน ไม่ว่าจะมาจากมาตรฐานไหนก็ตามจะเห็นว่ามีดัชนีสำคัญ 3 ตัว ที่นำมากำหนดมาตรฐานของ ผิวยางของสายพานทนสึก (Wear Resistance Conveyor Belt) คือ

 

Min.elongation at break (%)

Min.tensile strength  (N/mm2)

Max.wear loss (mm3)

 

 

 

 แต่ละตัวเมื่อนำมาถอดรหัสและแปลความหมายแล้วมันเป็นอย่างไร โปรดติดตามต่อๆไป อย่ากระพริบตา

 

               v5.2 ตอนนี้เรามาเข้าเรื่องการวัดคุณสมบัติของสายพานทนสึก (Wear  Resistance Conveyor Belt)  ว่าเขาเอาอะไรมาเป็นตัวกำหนดเกรดของสายพานกัน ถ้าหากเรารู้และเข้าใจค่าเหล่านี้ดี อย่างน้อยที่สุดก็สามารถเลือกซื้อสายพานได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป หรือเอาเป็นความรู้มาสมัครงานที่ Conveyor Guide ก็ได้ การทดสอบหาคุณสมบัติของสายพานสรุปให้เข้าใจสั้นๆได้ดังต่อไปนี้

       1.Min.tensile strength  (N/mm2คือการทดลองตาม ASTM D412 โดยเอาตัวอย่างสายพานทั้งเส้น (มีผ้าใบด้วย) มาตัดให้เป็นรูปร่างให้เข้าตาม      มาตรฐานที่กำหนด แล้วเอาเข้าเครื่องมือดึงจนสายพานขาดออกจากกัน แล้วก็อ่านค่าแรงสูงสุดก่อนสายพานจะขาดว่าได้เท่าไหร่ ค่านี้แหละคือ ค่า tensile  strength  (N/mm2)ของสายพาน ดูรูปเครื่องมือข้างล่างนี้จะเห็นว่าสายพานคอดกิ่วเกือบจะขาดเต็มทีแล้วช่วงนี้แหละที่อ่านค่าแรงได้สูงสุด

จะสังเกตจากตารางได้ว่าสายพานเกรด M, N, P จะมีค่า tensile strength (N/mm2) ไม่เท่ากัน เกรด มากที่สุด เกรด N รองลงมาและเกรด น้อยที่สุดดังนั้นค่า tensile strength (N/mm2) ตัวนี้จึงเป็นตัวชี้ว่าถ้ามีค่ามากสายพานจะมีคุณสมบัติดี ราคาแพง คงหายสงสัยกันแล้วว่าทำไมใครๆก็บอกว่าอยากได้สายพานเกรดM

 

 

เครื่องมือดึงสายพานเพื่อหาค่าTensile Strength

 

     Min.Elongation at break (%)คือความสามารถในการยืดตัวของยางโดยเอาตัวอย่างเฉพาะผิวยางของสายพาน(Cover) มาตัดให้เป็นรูปร่างให้เข้าตามมาตรฐานที่กำหนด ตัวอย่างนี้จะเล็กๆและบางๆเท่านั้น แล้วเอาเข้าเครื่องมือดึงจนผิวสายพานขาดออกจากกัน แล้วก็อ่านค่าแรงสูงสุดก่อนจะขาดว่าได้เท่าไหร่ ค่านี้แหละคือ ค่า Elongation at breakของผิวยาง Cover ดูรูปเครื่องมือข้างล่างนี้จะเห็นว่าตัวอย่างที่ถูกดึงจะคอดกิ่วเกือบจะขาดเต็มทีแล้วเช่นกันช่วงนี้แหละที่อ่านค่าแรงได้สูงสุดเช่นกัน

o  จะสังเกตจากตารางได้ว่าสายพานเกรด M , N , P จะมีค่า Min.Elongation at break (%)ไม่เท่ากัน เกรด Mยืดได้มากที่สุด เกรด รองลงมาและเกรด ยืดได้น้อยที่สุดดังนั้นค่า Min.Elongation at break (%)ตัวนี้จึงเป็นตัวชี้ว่าถ้ามีค่ามากสายพานจะมีคุณสมบัติดี ราคาแพง คงหายสงสัยกันแล้วว่าทำไมใครๆก็บอกว่าอยากได้สายพานเกรด M

 

 

 เครื่องมือดึงยางสายพานเพื่อหาค่า Elongation at break

 

     Max.wear loss (Cu.mm) วิธีการหาค่าทำโดยเอาตัวอย่างเฉพาะผิวสายพานสายพาน มาตัดให้เป็นรูปร่างให้เข้าตามมาตรฐานที่กำหนด ตัวอย่างที่ใช้ทดลองนี้นี้มีรูปร่างคล้ายๆลูกเต๋า ใช้เครื่องมือจับตัวอย่างไว้ให้แน่น แล้วหมุนลูกกลิ้งที่หุ้มด้วยกระดาษทรายที่มีความหยาบมาตรฐานไปขัดถูกับตัวอย่างด้วยความเร็วและเวลาที่กำหนด เมื่อหมดเวลาก็หยุดเครื่องก็นำตัวอย่างไปหาค่าปริมาตร(Volume) ของยางตัวอย่างที่หายไป อ่านค่าน้ำหนักที่หายไปได้เท่าไหร่แล้วแปลงกลับเป็นปริมาตรที่หายไป ค่านี้แหละคือ wear loss (Cu.mm.) มีหน่วยเป็นลูกบาศก์มิลลิเมตร ดูรูปตามเครื่องมือข้างล่างนี้

 

 เครื่องมือวัด Wear loss (mm*3) ของยาง

 

           จะสังเกตจากตารางได้ว่าสายพานเกรด M , N , P จะมีค่า wear loss (mm3) ไม่เท่ากัน เกรด น้อยที่สุด เกรด N รองลงมาและเกรด มากที่สุดดังนั้นค่า wear loss (mm3) ตัวนี้จึงเป็นตัวชี้ว่าถ้ามีค่าน้อยสายพานจะมีคุณสมบัติดี เพราะขัดสีแล้วยางหลุดออกน้อยแสดงว่าทนสึกหรอได้สูง ราคาจะแพง ซึ่งเป็นหนังคนละม้วนกับค่า tensile strength  (N/mm2)และ Elongation at break (%)คงหายสงสัยกันแล้วว่าทำไมใครๆก็บอกว่าอยากได้สายพานเกรดMเพราะมีค่า wear loss (mm3)น้อยที่สุดนั่นเอง กลับไปข้างบนทบทวนดูค่าต่างๆในตารางให้เข้าใจแจ่มแจ้งเลยนะครับ

   อีกสองเรื่องการทดสอบข้างล่างนี้ถือว่าเป็นของแถมจาก Conveyor Guide ให้กับแฟนๆก็แล้วกันนะครับ

    จากรูปเป็นการทดลองตามมาตรฐาน ASTM D378 หาค่าแรงยึดเกาะระหว่างยาง Cover กับผ้าใบ(Cover to Ply) และ      ผ้าใบกับผ้าใบ(Ply to Ply) เป็นการหาค่าBonding strength  (N/mm) ดีๆนี่เองโดยการเอาตัวอย่างสายพาน(มีผ้าใบข้างในด้วย) มาตัดให้เป็นรูปร่างให้เข้าตามมาตรฐานที่กำหนด แล้วเอาเข้าเครื่องมือดึงจนCoverหลุดออกจากผ้าใบ(Fabric)  หรือดึงให้ ผ้าใบหลุดออกผ้าใบ(กรณีมีผ้าใบหลายชั้น) แล้วก็อ่านค่าแรงสูงสุดก่อนหลุดว่าได้เท่าไหร่ ค่านี้แหละคือ ค่าแรงยึดเกาะหรือ Bonding strength  (N/mm)

 จะสังเกตจากตารางได้ว่าค่าแรงยึดเกาะระหว่างยาง Cover กับผ้าใบ(Cover to Ply) และ ผ้าใบกับผ้าใบ(Ply to Ply) ในสายพานเกรด M , N , P หรือเทียบได้กับเกรด X,Y,Z ของระบบ DIN จะมีค่า Bonding strength  (N/mm)เท่ากัน

 

 เครื่องมือวัดความแข็งของยาง

 

 

 

ครื่องมือวัดความแข็งของยาง มีหน่วยเป็น Shore A

 

ค่าทดสอบต่างๆจะรายงานออกมาด้วยระบบ Computer

·       ประเภทใช้งานทั่วไป(General Use Conveyor Belt) หรือเรียกกันว่า สายพานทนสึก (Wear  Resistance Conveyor Belt)รูปร่างภายนอกสีดำๆอย่างที่เห็นเป็นสายพานที่ใช้กันทั่วๆไป ที่เรียกกันว่าทนสึกนั้นมันแค่เป็นการเรียกกันสั้นๆให้เข้าใจง่ายเท่านั้น แต่จริงๆแล้วยังมีคุณสมบัติดีๆอย่างอื่นๆที่แฝงอยู่ข้างในอีก ไม่ใช่เฉพาะทนสึก (Wear  Resistance Belt)ได้อย่างเดียวเท่านั้น เช่นคุณสมบัติทนการตัด(Cut) การฉีก (Tear) การเจาะ (Gouge)และการขัดสี (Abrasion) ได้ดีอีกด้วย

·       สายพานเกรด  M(DIN-X,RMA Grade1, AS 1332-M24) ทำด้วย ยางธรรมชาติ(Natural Rubber ) หรือ ยางสังเคราะห(Synthetic Rubber)หรือเอาทั้งสองอย่างมาผสมกัน(Blend) มีคุณสมบัติทนการขัดสี (Abrasion) ได้ดี-ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีมีคุณสมบัติ ทนการตัด(Cut) การฉีก (Tear) การเจาะ (Gouge)และการขัดสี (Abrasion) ได้ดีอีกด้วย

·       สายพานเกรด  N(DIN-Y,RMA Grade2, AS 1332-N17) ทำด้วย ยางธรรมชาติ(Natural Rubber ) หรือ ยางสังเคราะห(Synthetic Rubber) หรือเอาทั้งสองอย่างมาผสมกัน(Blend)เหมือนกัน มีคุณสมบัติทนการขัดสี (Abrasion) ได้ดี ส่วนการทนทานต่อการตัด(Cut) การฉีก (Tear) การเจาะ (Gouge)และการขัดสี (Abrasion) ได้ดีรองลงมาไม่เท่ากับเกรด Mใครจะเลือกใช้เกรดอะไรก็ต้องใช้ความรู้พิจารณาเอาเองให้เหมาะสมกับApplication ของตัวเอง

·       ขอจบบทความตอนนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน แต่ยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่ไม่สามารถนำมาเสนอได้ในเวลานี้ หากท่านที่ติดตามต้องการความรู้อะไรเพิ่มเติมสอบถามได้เลยนะครับไม่ต้องเกรงใจ เราไม่เน้นขายของอะไรมากมาย อยากให้ท่านมีความรู้แล้วตัดสินใจได้เองได้ของที่คุ้มค่าเงิน ถ้าเห็นว่าเราทำดี จะอุดหนุนให้เราอยู่รอดได้ก็เป็นพระคุณอย่างสูงเราเชื่อว่า ลูกค้าที่เป็นศูนย์กลางของธุรกิจเรา แม้จะไม่ได้สร้างผลกำไรก้อนโตให้กับเราทันทีแต่ก็จะเป็นรากฐานที่ค่อยๆ ให้เราสะสมความสำเร็จไปทีละน้อย และการบอกต่อของท่านให้คนรอบข้าง ก็จะช่วยขยายฐานให้กับเราได้อีกในอนาคตแน่นอน ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม website ของเรา

 




Rubber Belt สายพานยางดำ

1) จำหน่ายสายพานยางดำรายย่อยแล้วครับ
2) คำถามโดนๆเกี่ยวกับสายพานลำเลียง
3) ภาพรวมการแบ่งประเภทของสายพานลำเลียง
4) สายพานลำเลียงแบบชั้นผ้าใบ
5) Cover Type
7) ระบบป้องกันวัสดุเล็ดลอดออกจากสายพาน Sealing System
8) ส่วนประกอบของ Sealing system
9) ยางSkirtตัวร้ายหรือผู้ดี
10) การเลือกชนิด Skirt Rubber และการบำรุงรักษา
11)จำหน่ายสายพานยางดำ
12)ถอดรหัสสายพานทนร้อน
13)สายพานบั้ง
14)ทดสอบการเพิ่มอัตราขนถ่ายวัสดุของสายพาน Side Wall Belt Conveyor