ReadyPlanet.com
dot
Line ID
dot


ตอนที่ 4

 

สร้าง Conveyor ด้วยตัวเองต้องรู้อะไรบ้าง

ตอนที่ 4 Side Flexing Modular Belt Conveyor Manual  

(คู่มือการออกแบบสายพานโมดูลาร์แบบวิ่งโค้ง)

 

สายพานวิ่งโค้งที่สามารถทำหลายโค้งในเส้นเดียวได้ ก่อนออกแบบให้ศึกษาข้อจำกัดบางประการเสียก่อนเช่นรัศมีน้อยที่สุดที่ทำได้ แนะนำไม่ควรเกิน 2 โค้งในเส้นเดียวกัน เพื่อไม่ให้มีแรงดึงในสายพานมากเกินไป

สายพานวิ่งโค้ง (Side Flexing Modular Belt Conveyor) หลายโค้งในเส้นเดียวได้

 

สายพานวิ่งโค้ง ทำ Lay out ได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้น-ลง ต่างระนาบได้

 

 

 ขอให้ท่านผู้อ่านดูรูปข้างล่างที่เป็น รูปถ่ายจริงหรือ Drawing ที่บอกรายละเอียดการออกแบบสายพานแบบวิ่งโค้ง (Side Flexing Modular Belt Conveyor ) หลังจากดูแล้ว ให้อ่าน ถาม-ตอบถัดลงไปที่ขยายความให้ละเอียดยิ่งขึ้น จะได้เข้าใจหลักการและการทำงานและรู้เหตุผลว่าทำไมต้องทำอย่างโน้น อย่างนี้ คอนเวเยอร์ไกด์ หวังอย่างยิ่งว่าเมื่อท่านผู้อ่านได้อ่านเรื่องราวเหล่านี้จบแล้วก็จะเข้าใจเรื่องของคอนเวเยอร์ดีขึ้น 80-90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยต้องคุยกันเป็น Case ไป เป้าหมายของผู้เขียนคือ เมื่อท่านอ่านจบจะสามารถเข้าใจและทำคอนเวเยอร์ออกมาถูกต้องตามหลักการได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะส่งผลถึง การประหยัดเงินในกระเป๋า ได้ Conveyor ทำงานดีมีประสิทธิภาพ ตลอดจนอายุการใช้งานที่ยืนยาวของ Conveyor ด้วยครับ

สายพานวิ่งโค้ง (Side Flexing Modular Belt Conveyor) แบบใช้งานทั่วไป(Light Duty)

 

ถาม สายพานแบบวิ่งโค้ง (Side Flexing Modular Belt Conveyor ) ควรมีความยาว (conveyor Length ) มากที่สุดประมาณกี่เมตร  

ตอบ พูดยาก ความยาวสูงสุดของคอนเวเยอร์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น แรงเสียดทานในระบบซึ่งขึ้นอยู่กับ ความลื่น-ฝืด ระหว่างสายพานกับที่รองรับ(วัสดุที่สัมผัสกันทำด้วยอะไร มีการหล่อลื่นระบบหรือไม่ฯ) ความเร็ว (Speed) น้ำหนักบรรทุก (Load) รูปร่างของ Productที่ลำเลียง ชนิดหรือประเภทของสายพาน การบำรุงรักษา และสภาพการขัดสี (Abrasiveness) ของสายพาน (เช่นถ้า product เป็นกระป๋องโลหะวิ่งบนสายพานพลาสติกย่อมมีการขัดสีสูง และหากสายพานมีการสะสมของ product (Accumulation)  ถ้าใช้ความเร็วสูงๆจะทำให้ผิวหน้าสายพานสึกหรอเร็ว อายุการใช้งานก็จะสั้นเป็นต้น ดังนั้นการออกแบบจึงไม่ควรใช้ความเร็วสูง แต่ต้องมองการใช้งานร่วมด้วย)

ถาม งั้นเอาแบบว่างานทั่วไป สิ่งแวดล้อมปรกติก็แล้วกัน พอจะบอกเป็นตัวเลขกลมๆได้ไหมว่าความยาวของคอนเวเยอร์ (conveyor Length ) แบบวิ่งโค้งควรมีระยะประมาณเท่าไหร่

 

ตอบ คำแนะนำทั่วไปจากประสบการณ์จริงของกูรู ผู้ทำสายพานและผู้จำหน่ายสายพานจากหลายค่าย หลายสังกัด สำหรับสายพานแบบวิ่งโค้งควรมีความยาวของคอนเวเยอร์ (conveyor Length ) 12 เมตร ซึ่งค่านี้ได้มาจากการทำงานจริง และ เป็นค่ากลางๆที่กำหนดขึ้นมาที่ค่อนข้างทำแล้วปลอดภัย ถามว่าความยาวมากกว่า 12 เมตรได้ไหม คำตอบคือได้ แต่ควรต้องมีปัจจัยอื่น ๆอื้อและสนับสนุนด้วยเช่น สายพานต้องเป็นรุ่นที่สามารถรับแรงดึงได้สูงกว่าปรกติก็จะดี มีสิ่งแวดล้อมดี เช่น มีแรงเสียดทานน้อยเพราะหล่อลื่นดี มีน้ำหนักบรรทุกน้อย ๆ การขัดสีมีน้อย มีความเร็วไม่สูง การบำรุงรักษาที่ดีเป็นต้น หากเงื่อนไขต่าง ๆไม่เอื้ออำนวย ต้องลดความยาวของสายพานให้น้อยกว่า 12 เมตร เป็นต้น

แนะนำ 12 เมตร เป็นความยาวสูงสุดของสายพานแบบวิ่งโค้ง

 (Side Flexing Modular Belt Conveyor )

หมายเหตุ ความยาวของคอนเวเยอร์ (conveyor Length )หมายถึงระยะวัดตามจริง (Tape Length )ระหว่าง Drive Shaft และ Tail Shaft 

เลย์เอาท์ Lay Out สายพานโค้งรูปแบบต่างๆพร้อมระยะสำคัญที่แนะนำในการออกแบบ

ถาม ช่วยแนะนำ มาตรฐานการออกแบบสายพานโค้งทั่วไป

ตอบ ข้อแนะนำมาตรฐานการออกแบบสายพานโค้งทั่วไป

·         สายพานมีความยาวสูงสุด(Maximum Conveyor Length) 12 เมตร

·        แม้ว่าสายพานวิ่งโค้งสามารถวาง Lay Out หลายโค้งในเส้นเดียวได้ แต่แนะนำไม่ควรเกิน 2 โค้งเพื่อไม่ให้เกิดแรงดึงในสายพานมากเกินไป

·         มอเตอร์ควรติดตั้งที่ตำแหน่งที่ไกลโค้งมากที่สุดเพื่อให้เกิดแรงดึงน้อย

·         ระยะรัศมี Inner Radius (โค้งใน-R ในรูปข้างบน) น้อยที่สุดคือ 2 เท่าของระยะหน้ากว้างสายพาน ถ้าจะให้สายพานทำงานได้ดีวิ่งเรียบ ควรใช้ 2.2 หรือ 2.5 เท่าของระยะหน้ากว้างสายพาน เพื่อให้สายพานมีระยะทางตรงมากพอก่อนที่สายพานค่อยๆเปลี่ยนทิศทาง ไม่ว่าจากระยะตรงเข้าโค้งหรือจากโค้งมาระยะตรง เมื่อมีระยะตรงที่เพียงพอแล้ว สายพานวิ่งได้อย่างราบเรียบและนิ่มนวล อีกเหตุผลประการหนึ่งคือ การออกแบบที่ดี ต้องติดตั้ง Sprocket ในระยะตรงที่ตั้งฉากกับโครงสร้าง เพื่อให้เกิดแรงดึงสม่ำเสมอทั่วทั้งหน้าตัดสายพาน ห้ามติดตั้งเฟือง(Sprocket)ที่ตำแหน่งโค้ง

·        ระยะก่อนเข้าและออกโค้งเท่ากับ 2 เท่าของหน้ากว้าง (เหตุผลเช่นเดียวกับข้างบน)

 

A

ระยะหน้ากว้างสายพาน

B

ระยะทางตรงหลังออกจากโค้ง เท่ากับหรือมากกว่า

2 เท่าของระยะหน้ากว้างสายพาน

R

ระยะรัศมีความโค้งด้านใน เท่ากับหรือมากกว่า 2.2  เท่า ของระยะหน้ากว้างสายพาน (แนะนำให้ใช้ระยะ 2.5 เท่า ของหน้ากว้างสายพาน)

D

ระยะทางตรงด้านก่อนเข้าโค้งเท่ากับหรือมากกว่า 

2 เท่าของระยะหน้ากว้างสายพาน

                                                    มาตรฐานแนะนำการออกแบบสายพานโค้ง

ถาม ช่วยแนะนำการออกแบบสายพานโค้งเมื่อตัวชิ้นงาน (Product)  ที่ลำเลียงมีขนาด (Size) เล็กกว่าหน้ากว้างของสายพาน และไม่มี Side Transfer

 

ตอบ ขณะที่สายพานโค้งวิ่งจะเกิดแรงดึงที่โค้งนอกมากกว่าโค้งใน ดังนั้นโค้งนอกจะตึงโค้งในจะหย่อน เป็นผลทำให้โค้งในยกตัวสูงขึ้นจาก support ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สายพานยกขึ้นจึงต้องติดตั้งตัวกด (Hold Down Guide) รูปตัว L ให้สายพานวิ่งอยู่บน support ไม่หลุดโค้ง Layout สำหรับการลำเลียงชิ้นงานที่มี ขนาด(Size) เล็กกว่าหน้ากว้างของสายพาน ทำได้โดยใช้ไกด์กดสายพานได้โดยตรงเลย กรณีนี้ระดับผิวบนของสายพานจะอยู่ต่ำกว่า  Hold Down Guide ท้องสายพานเป็นรุ่นเรียบ

   

Section ของสายพานโค้งกรณีขนาดของชิ้นงาน มีค่าน้อยกว่าหน้ากว้างของสายพาน

ถาม ช่วยแนะนำการออกแบบสายพานโค้งเมื่อตัว Product ที่ลำเลียงมีขนาด (Size) ใหญ่กว่าหน้ากว้างของสายพาน และมี Side Transfer

ตอบ กรณีที่ขนาด(Size) ของ product มีค่ามากกว่าหน้ากว้างของสายพาน ใช้วสายพานแบบมีขาเกี่ยว (Bottom Tab Hold Down) ที่ท้องสายพานด้านล่าง

 

·       ออกแบบให้ผิวบนของสายพานเสมอหรือสูงกว่าไกด์ (Guide) แนะนำสำหรับสายพานที่มีหน้ากว้างมากกว่า 600 มิลลิเมตร ควรใช้สายพานที่มีขาเกี่ยว (Bottom Tab Hold Down) ที่ท้องสายพานด้านล่างจะเหมาะสมกว่า 

  

สายพานโค้งที่มีขาเกี่ยวด้านล่าง (Bottom Tab Hold Down)

หรือใช้รุ่นไกด์ด้านข้าง(รูป U คว่ำ)บังคับสายพานให้อยู่ในโค้งมีข้อได้เปรียบคือผิวหน้าของสายพานจะสูงกว่าไกด์ดังนั้นจึงสามารถลำเลียงสินค้าที่มีขนาด (Size) มากกว่าหน้ากว้างของสายพานได้ และสามารถลำเลียงแบบ Side Transfer ได้ ข้อเสียคือ การเผื่อระยะห่าง(Clearance) ระหว่างขาเกี่ยวด้านล่างกับไกด์นั้นจำกัดมาก ถ้าน้อยไปจะทำให้สายพานเบียดกับไกด์ ถ้ามากไปขาเกี่ยวสั้นกว่าระยะที่เผื่อไว้ สายพานก็จะหลุดไกด์

 

·       ออกแบบเลือกใช้สายธพานที่มีปลายขอบ(Edge Tab)โผล่ออกมาที่ด้านล่างของสายพานทั้งสองข้าง ในกรณีนี้เราจะใช้ไกด์กดที่ปลายขอบ(Edge Tab)ทั้งสองข้างและเผื่อระยะ Clearance เพื่อบังคับสายพานให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการและป้องกันไม่ให้ขอบสายพานยกตัวขึ้น  สายพานก็จะวิ่งไม่หลุดโค้งเช่นกันข้อเสียคือ ขอบ(Edge Tab)สายพานจะบอบบางแตกหักง่าย

  

สายพานโค้งที่มีปลายโผล่จากขอบ(Edge Tab) สายพานด้านล่าง

ถาม นอกจากเรื่องความยาวที่กล่าวข้างบนแล้ว การออกแบบความยาวของคอนเวเยอร์ (conveyor Length ) ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดอื่นใดบ้างหรือเปล่า แชร์ให้ฟังหน่อย

ตอบ การออกแบบความยาวของสายพาน (conveyor Length )ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของสายพานในการรับแรงดึงสูงสุด (Maximum Tensile Strength) ของโซ่หรือสายพานอย่างเดียว แม้ว่าการออกแบบให้ระบบสายพานมีแรงดึงต่ำกว่าค่าแรงที่สายพานสามารถรับได้ แต่ในสายพานที่ยาวๆ สายพานอาจจะเกิดปรากฏการณ์ Elastic Surging  กล่าวคือ สายพานบางจังหวะมีการเดินไม่เรียบ สะดุด กระตุก เกิดขึ้นได้ (สาเหตุเนื่องจาก เมื่อ Start เดินเครื่องสายพาน สายพานทั้งเส้นจะไม่เคลื่อนที่ทันที ส่วนใกล้มอเตอร์จะเคลื่อนที่ก่อน ส่วนไกลจะเคลื่อนที่ก็ต่อเมื่อ แรงดึง(Tension) จากมอเตอร์ชนะแรงเสียดทาน (Static Friction)เสียก่อน ขณะที่มอเตอร์ดึงสายพาน  สายพานแต่ละข้อ (Pitch)จะยืดตัวแรงสปริงสะสมในตัวสายพานจะถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้สายพานกระตุก ส่งผลให้ Product ที่ลำเลียงไม่เสถียรหรือเสียการทรงตัว) เป็นปัญหาสำหรับระบบที่ต้องการมี stability สูง ปรากฎการณ์นี้มักเกิดขึ้นกับสายพานตรง(Straight Running) ที่มีความยาวตั้งแต่ 20 เมตรขึ้นไป หรือสายพานโค้งที่มีความยาวประมาณ 12 เมตร และมักเกิดขึ้นกับสายพานที่มีความเร็วต่ำมากกว่าความเร็วสูง

ถาม งั้นจะออกแบบสายพาน Modular ให้มีความเร็วเท่าไหร่ดี เมื่อไหร่เราจะเรียกว่าสายพานมีความเร็วสูง (High Speed Conveyor)

ตอบ ถามให้ตอบยากอีกแล้ว การอกแบบความเร็ว ขึ้นอยู่กับ Capacity ที่ต้องการสอดคล้องกับการทำงานที่หน้างานจริง ไม่มีใครตอบได้ถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ประสบการณ์ของแต่ละคนมากกว่า ถ้าให้ตอบตามที่ผู้เขียนเข้าใจ ถ้าเอาการทำงานของสายพานร่วมกับคนเป็นตัวกำหนดกำหนดความเร็วของสายพาน สายพานที่มีความเร็วประมาณ 20-30 เมตรต่อนาที เป็นความเร็วที่คนสามารถ หยิบ-วาง ของบนสายพานทันเวลาขณะสายพานวิ่ง สายพานที่มีความเร็วมากกว่า 30 เมตรต่อนาทีควรติดตั้ง Soft Start  สายพานที่มีความเร็วมากกว่า 40 เมตรต่อนาที ต้องคิดว่าเป็นสายพานเริ่มมีความเร็วสูงแล้ว เมื่อออกแบบสายพานที่มีความเร็วสูงต้องพิจารณาให้มีระบบหล่อลื่นให้ดี เช่น ไม่ให้ Wear Strip และสายพานร้อนถูกันจนใหม้ละลายติดกัน  ค่าที่แนะนำสำหรับความเร็วที่สูงสุดสำหรับสายพานโมดูล่าคือ 60 เมตรต่อนาที

ตอบ Catenary Sag คือส่วนของสายพานที่ไม่มีอะไรรองรับด้านล่าง มีหน้าที่ปรับความยาวของสายพาน(ที่ ยืด-หด ตามอุณหภูมิและน้ำหนักบรรทุก(Load) ที่เปลี่ยนไป) ให้มีระยะพอเหมาะที่จะทำให้สายพานและเฟือง ขบ-ปล่อย กันได้อย่างพอดี หากสายพานตึงเกินไปสายพานจะติด ไม่หลุดจากเฟืองแม้พ้นระยะที่ต้องหลุดเฟืองมาแล้วและเป็นการเพิ่ม Load แก่สายพาน อายุการใช้งานของสายพาน เฟืองและ Bearing สั้น หากหย่อนเกินไป สายพานจะกระโดด (Jump) เดินไม่เรียบ   

ถาม การขึ้นระยะของโครงสร้าง(Frame Dimensions) ของสายพานโมดูล่าต้องเริ่มต้นยังไงครับ

 

ตอบ ต้องเริ่มต้นที่ต้องรู้ข้อมูลที่จำเป็นเสียก่อน เมื่อซื้อสายพาน ต้องขอเดต้าชีท(Data Sheet) เกี่ยวกับระยะความสัมพันธ์ระหว่างเฟือง(Sprocket)-Wear Strip และสายพาน(Belt)จากผู้ขายครับ Data sheet จะบอกระยะสำคัญๆให้เราสามารถให้เราขึ้นโครงได้โดยง่ายและถูกต้อง สายพานแต่ละรุ่นมี Data sheet ต่างกัน ดูตัวอย่างข้างล่างนี้เป็นตัวอย่าง Data Sheet ของสายพานรุ่น HS 500B ของ Hongs’Belt....ครับ

Data Sheet สายพานโค้ง รุ่น HS 500B ของ Hongs’Belt

 

Data Sheet สายพานโค้ง รุ่น HS 500B ของ Hongs’Belt

 

Data Sheet สายพานโค้ง รุ่น HS 500B ของ Hongs’Belt

 

Data Sheet สายพานโค้ง รุ่น HS 500B ของ Hongs’Belt

ถาม ระยะโครงส่วนไหนซึ่งควรให้ความสำคัญหรือเน้นเป็นพิเศษครับ

 

ตอบ ที่จริงก็สำคัญทั้งนั้นแต่ที่ชอบทำผิดกันบ่อยอยากจะเน้น คือ ระยะ A เป็นระยะจาก Center ของเพลาถึงระดับผิวบน (Top) ของ Wear strip หากขึ้นระยะ A ถูกต้องจะทำให้เฟืองกับสายพาน ขบ-ปล่อยกันได้ดี

  

การติดตั้งส่วนรองรับสายพาน (Wear strip ) ที่ดีต้องยื่นปลาย Wear Strip ให้ใกล้

Shaft Center มากที่สุดเพื่อรองรับไม่ให้สายพานแอ่นงอ(Buck)

 

เมื่อลำเลียงของหนักปลาย Wear strip ต้องยื่นให้ใกล้  Shaft Center

มากที่สุดเพื่อไม่ให้สายพานแอ่นงอ(Buck)เช่นในรูป

ถาม ระยะความกว้างของโครงสร้าง(Frame) ควรเผื่อสำหรับสายพานขยายตัวเนื่องจากอุณหภูมิเท่าไหร่ดี

 

ตอบ ขึ้นอยู่กับหน้ากว้างของสายพาน ตั้งแต่ 4 มม.-10มม.(หน้ากว้างมากเผื่อมาก) โดยรวมทั่ว ๆ ไปหน้ากว้างไม่เกิน 1200 มม. เผื่อสัก 5 มม. แต่ถ้าเผื่อว่าเราทำโครงสร้างไม่ตรงและประกอบสายพานหน้ากว้างมันคลาดเคลื่อนนิดๆหน่อยๆ อาจจะเพิ่มเป็น 7-8 มม.มากกว่าหน้ากว้างของสายพาน ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร

ระยะเผื่อหน้ากว้างของโครงสร้าง(Frame)เทียบกับหน้ากว้างสายพาน

ถาม มีรูปแบบตัวอย่าง การวาง ส่วนรองรับสายพาน (Wear strip Support) ให้ดูบ้างไหมครับ

 

ตอบ รูปแบบการวาง Wear Strip สำหรับสายพานโมดูล่ามีอยู่ 2 แบบคือ แบบขนานใช้สำหรับ สายพานที่มีน้ำหนักบรรทุก(Load) น้อยและ แบบก้างปลาสำหรับ สายพานที่มีน้ำหนักบรรทุก(Load) มาก ๆดูรายละเอียดข้างล่างนี้เลยครับ 

  

แบบขนานใช้สำหรับ สายพานที่มีน้ำหนักบรรทุก(Load) น้อย

แบบก้างปลารับน้ำหนักบรรทุก(Load)มาก

 

ถาม งานทั่วไปควรใช้ ส่วนรองรับสายพาน (Wear strip )กี่แถวดี

  

ส่วนรองรับสายพาน (Wear strip ) สายพานแบบขนานรับน้ำหนักบรรทุก(Load) น้อย

ทำได้ง่าย สะดวกและรวดเร็วถ้าสายพานยาวมากต้องเว้นช่องระยะของ Wear Strip ทุกๆ 3 เมตร

ตอบ ตอบในแง่ภาคปฏิบัติ เอาง่ายๆไม่ได้ผ่านการคำนวณนะครับปกติถ้าเป็นงานทั่วไป 

                จำนวนแถว Wear Strip = จำนวนเฟือง + 1

จำนวนเฟือง = Belt Width (มม.) หารด้วย 50 ถึง 80  (งานหนักมาก)

จำนวนเฟือง = Belt Width (มม.) หารด้วย 80 ถึง 100  (งานหนักปานกลาง)

จำนวนเฟือง = Belt Width (มม.) หารด้วย 100 ถึง 120  (งานทั่วไป)

จำนวนเฟือง = Belt Width (มม.) หารด้วย 120 ถึง 150  (งานเบา)

 

ยกตัวอย่าง

งานเบาหารด้วย 150 งานหนักหารด้วย 80 แต่ถ้าเป็นงานที่รับน้ำหนักบรรทุกมาก ๆ ที่รองรับอาจจะเป็นกระจก แผ่นกระดาน แผ่น Stainless เพื่อให้รองรับน้ำหนักได้เต็มหน้าตัด หรือ Roller เพื่อให้ลื่นลดแรงเสียดทาน ก็ได้

ถาม วัสดุที่ใช้ทำ Wear Strip มีอะไรบ้างครับ และเรามีหลักการเลือกใช้วัสดุอย่างนั้นได้อย่างไร

 

ตอบ วัสดุที่ใช้ทำ Wear Strip มีหลายชนิด การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม แต่ที่นิยมใช้มากที่สุดคือ HDPE และ UHMWPE เพราะลื่นกว่าวัสดุอย่างอื่น Friction น้อย ราคาไม่แพง ถ้าอุณหภูมิสูงใช้ไนลอน(Polyamide)หรือใช้สแตนเลส ความเหมาะสมของการเลือกใช้ ดูได้จากตารางข้างล่างนี้ครับ

ถาม ช่วยบอกหลักการในการวางเพลาขับ(Drive Shaft) แล้วเพลาตาม(Tail Shaft) และการติดตั้งเฟือง(Sprocket ) ของสายพานโค้งด้วยครับ

ตอบ ขณะที่สายพานโค้งวิ่งจะเกิดแรงตึงที่โค้งนอกมากโค้งในน้อย ดังนั้นโค้งนอกจะตึงโค้งในจะหย่อน ข้อแนะนำการติดตั้งเฟืองของสายพานโค้ง ถ้าโค้งมี 1 โค้ง ติดตั้งเฟืองให้ถี่ ๆที่โค้งนอก(เพราะแรงดึงมาก) แล้วกระจายระยะเฟืองให้ค่อยๆห่างๆมากขึ้นในโค้งในที่มีแรงดึงน้อยลงตามลำดับ

ยกตัวอย่างกรณีในรูปข้างล่างสมมุติว่ามีโค้ง 1 โค้ง โค้งนอกอยู่ด้านขวามือ โค้งในอยู่ด้านซ้ายมือ ให้ล็อคเฟืองตัวกลาง(เบอร์ 3)  เฟืองที่เยื้องมาโค้งนอกเบอร์ 6-5-4 ให้วางระยะถี่ ๆ ส่วนเฟืองเบอร์ 2-1 คือเฟืองที่เยื้องใกล้โค้งในก็ให้วางห่างมาตามลำดับ

ถ้าโค้งมี 1 โค้งล็อคเฟืองตัวกลาง(เบอร์ 3) ติดถี่โค้งนอก 6-5-4

 ให้ถี่ ค่อยๆให้มีระยะห่างขึ้นในโค้งใน 3-2-1 ตามลำดับ

ถ้าหากโค้งมีมากกว่า 1 โค้งให้ติดตั้งตามวิธีปกติ  คือให้ล็อคเฟือง (Sprocket ) ตัวกลางทั้งของ Drive Shaft และ Tail Shaft ให้ตรงกัน ส่วนเฟือง(Sprocket )ที่เหลือจัดให้สมดุลย์ทั้งสองข้างและปล่อยให้เคลื่อนที่อิสระ (ตามการขยายตัวและหดตัวของสายพานเนื่องจากอุณหภูมิและน้ำหนักบรรทุกที่เปลี่ยนไป )

ถาม ช่วยบอกหลักการในการวางเพลาขับ(Drive Shaft) แล้วเพลาตาม(Tail Shaft) และการติดตั้งเฟือง(Sprocket ) ทั่วๆไป ด้วยครับ

ตอบ การติดตั้งเฟือง ให้ล็อคเฟือง(Sprocket ) ตัวกลางทั้งของ Drive Shaft และ Tail Shaft ให้ตรงกัน ส่วนเฟือง(Sprocket )ที่เหลือให้ปล่อยเคลื่อนที่อิสระ (ตามการขยายตัวและหดตัวของสายพานเนื่องจากอุณหภูมิและน้ำหนักบรรทุกที่เปลี่ยนไป ) ต้องติดตั้ง ณ.ตำแหน่งโครงสร้างตรงเท่านั้น ห้ามวางที่ตำแหน่งส่วนโค้ง การติดตั้ง เพลาขับ(Drive Shaft) และเพลาตาม(Tail Shaft) ต้องขนานกัน วิธีการเช็คว่าเพลาขนานกันหรือไม่ให้ดูตามรูปข้างล่างนี้ครับ

 สายพานสั้นๆวิธีการเช็คว่าเพลาขนานกันหรือไม่

I = I และ d = d

 

หากสายพานยาววิธีการเช็คว่าเพลาขนานกันหรือไม่ กำหนด ค่า a และ b

ตามความเหมาะสม และสำคัญคือ c = c

 

 

เฟืองขับและเฟืองตาม ต้องตรงตำแหน่งและขนานกัน(Inline)

ถาม การออกแบบเพลาที่มีความยาวมาก กรณีที่สายพานมีหน้ากว้างมาก หรือมีน้ำหนักบรรทุกมาก (Heavy Load)  ต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้างครับ

 

ตอบ ถ้าเพลามีความยาวมาก แรงดึง(Tension) ของสายพานจะทำให้เพลายาว (Long Shaft) โก่ง (Deflection) ตัวสูงมากกว่าเพลาสั้น ถ้าขนาด(Size) ของเพลาไม่ใหญ่พอ หากการโก่งตัวมีสูงกว่าค่าที่กำหนดให้ (ประมาณ 2 มิลลิเมตร) สายพานและเฟืองจะขบ-ปล่อย ไม่ดี สายพาน จะกระโดด เดินไม่เรียบ วิธีแก้ไขคือ ต้องลดการโก่งตัวของเพลาคือเพิ่มจุด Support ด้วยการใส่แบริ่ง (Split Bearing)เข้าไประหว่างเพลานั้น

เพลายาวแอ่น(โก่ง)ตัวได้มากเนื่องจากแรงดึงของสายพาน

 

ใส่ Bearing Support ตรงกลาง เพลาจะแบ่งเป็น 2 ส่วน Moment ดัด

ที่เพลาแต่ละส่วนจะน้อยลงมาก ช่วยลดระยะเพลาแอ่น(โก่ง)ตัว

 

 

  

ตัวอย่าง การติดตั้ง Bearing  ลดการโก่งตัวของเพลาแบบหนึ่ง

ถาม เราควรมีจำนวนเฟือง (Drive Sprocket) ขับกี่ตัวใน 1 เพลา(Shaft)

 

ตอบ จำนวนเฟืองขับ (Drive Sprocket)ขึ้นอยู่กับหน้ากว้างและน้ำหนักบรรทุกของสายพาน ถ้าพูดตามประสบการณ์สำหรับ Conveyor ทั่วไปรับน้ำหนักบรรทุกน้อย(งานเบา)หารด้วย 150 งานหนักหารด้วย 100

 

จำนวนเฟือง(Sprocket) ที่น้อยที่สุด = หน้ากว้างของสายพาน(มม.)หารด้วย 100 ถึง 150

ตัวอย่าง เช่น สมมุติสายพานมีน้ำหนักบรรทุกน้อยมาก ลองหารด้วย 150

·       กรณี 1. หน้ากว้างของสายพานมีค่าเท่ากับ 800 mm หารด้วย 150 จะได้เท่ากับ 5.33 ปัดเป็นจำนวนเต็มเท่ากับ 6 ให้ใช้จำนวนเฟือง 7 ตัว (ถ้าเป็นเลขคู่ให้เพิ่มเป็นเลขคี่ เพื่อจัดให้ยึด(Fix) เฟื่องตรงกลาง 1 ตัวและกระจายออก 2 ด้านเท่าๆกันให้สมดุลข้างละ 3 ตัว)

·       กรณี 2. ถ้าหน้ากว้างของสายพานมีค่าเท่ากับ 900 mm หารด้วย 150 จะได้เท่ากับ 6 ใช้เฟือง 7 ตัวเช่นกัน

·        กรณี 3. หน้ากว้างของสายพานมีค่าเท่ากับ 1000 mm หารด้วย 150 จะได้จำนวเท่ากับ 6.67 ปัดเป็นเลขจำนวนเต็ม 7 ใช้เฟือง 7 ตัวเช่นกัน

·       จะสังเกตว่า

Ø กรณี 1.ดูเหมือนว่ามีเฟืองขับมากเกินไป(Over Drive Sprocket)

Ø *กรณี 2 ดูว่าพอดีๆ

Ø *กรณี 3.เหมือนว่ามีเฟืองขับน้อยเกินไป(Under Drive Sprocket) อาจจะเพิ่มเป็นเฟืองเป็น 9 ตัวทั้งนี้แล้วแต่ผู้ออกแบบจะพิจารณาเห็นสมควร

·       ถ้าโหลดน้ำหนักบรรทุกของสายพานมาก ๆต้องเพิ่มจำนวนเฟืองขับ(Sprocket)ขึ้นไปอีก

·       จำนวนเฟืองในเพลาตาม (Idle Sprocket) สามารถลดจำนวนลงได้ตามขนาดของแรงดึง(Tension) ที่Tail ถ้าไม่อยากจะเสียเวลาคำนวนก็ใช้เท่ากันกับเฟืองขับก็ได้

ถาม วิธีล็อค(Fix)เฟืองขับ(Drive Sprocket) เฟืองตาม (Idle Sprocket) มีกี่แบบอะไรบ้าง

 

ตอบ มีหลายแบบ ขอแนะนำล็อคด้วยอุปกรณ์สำเร็จรูป (Retainer)  เรียกว่า Square Fix(ล็อกเพลาสี่เหลี่ยม) / Round Fix(ล็อคเพลากลม) เพราะติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว ส่วนวิธีล็อคอื่น ๆก็มีอีกหลายแบบทำได้ตามรูปที่แสดงข้างล่างนี้

                 

                         Square Fix (ล็อกเพลาสี่เหลี่ยม)                                     Round Fix (ล็อคเพลากลม)

 

   

Square Fix (ล็อกเพลาสี่เหลี่ยม)

 

   

 

     Bolt Fix                                      Clip Lock Fix

ถาม การจัดเรียงเฟือง(Sprocket) ในเพลาเดียวกันมีประเด็นอะไรที่ควรต้องรู้บ้างครับ

 

ตอบ การจัดเรียง เฟือง(Sprocket) ให้สังเกตดูว่าต้องเรียงให้ตำแหน่งมาร์ค(Mark)บนตัวจะเฟือง(Sprocket)  ให้เรียงไปในแนวเดียวกันตามรูปดังนี้

  

ตำแหน่งมาร์คบนเฟือง(Sprocket)  ให้เรียงไปในแนวเดียวกันลูกศรชี้

 

ตำแหน่งมาร์คบนเฟือง(Sprocket) ลักษณะอาจจะแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ

ถาม ความเร็ว(Conveyor Speed) ของสายพานโมดูล่าร์มากที่สุดไม่ควรเกินเท่าใด

 

ตอบ แนะนำความเร็วที่สูงสุดสำหรับสายพานโมดูล่าคือ 60 เมตรต่อนาที ถามว่ามากกว่านี้ได้ไหม ตอบว่าทำได้ แต่ต้องยอมรับผลกระทบที่ตามมาคือ เสียงจะดังขึ้น การสึกหรอเพิ่มขึ้น อายุการใช้งานน้อยลง ทั้งนี้การออกแบบ ความเร็ว(Conveyor Speed) ของสายพาน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดวัสดุของสายพานโมดูล่าร์เป็นอะไร รูปแบบการทำงานเป็นแบบวิ่งตรง แบบวิ่งโค้ง มีการหล่อลื่นไหม สภาพสิ่งแวดล้อมมีการขัดสีสูงหรือเปล่าเป็นต้น การออกแบบ ความเร็ว(Conveyor Speed) ของสายพานที่สัมพันธ์กับความยาวของสายพาน (Conveyor Length)  แนะนำตามตารางข้างล่างนี้ครับ

 

 

จบ ตอนที่ 4 Side Flexing Modular Belt Conveyor Manual 

 

 

 

สุดท้าย..ปัจจุบันปริมาณข้อมูลมีมากมายมหาศาลล้นเกินแต่ไร้สาระเป็นส่วนมาก...ความยากไม่ได้อยู่ที่การแสวงหาข้อมูล แต่อยู่ที่การวิเคราะห์ความถูกต้องและแก่นสารของข้อมูล การสรุปเนื้อหาให้ง่ายๆ ถูกต้องเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคต้องการอย่างแท้จริง ทว่าข้อมูลที่อยู่ในอินเตอร์เน็ตปัจจุบันเป็นข้อมูลขยะเสียส่วนมาก ข้อมูลส่วนใหญ่พยายามบอกเรื่องที่ตนเองอยากจะพูด ไม่ได้บอกเรื่องที่ผู้บริโภคอยากจะฟัง เช่นผู้บริโภคต้องการข้อมูลที่ดูแล้ว เข้าใจง่าย มีสาระ ถูกต้อง ครบถ้วน แต่ข้อมูลที่มีอยู่คือรูปของตารางและ Specification ไร้คำอธิบายถึงที่ไปที่มา ผู้บริโภคจึงขาดข้อมูลเชิงภาพรวม (Big Picture) ซึ่งเป็นภาพสุดท้ายที่ผู้บริโภคต้องมองเห็นก่อนตัดสินใจ ส่วนรายละเอียดสเปคสินค้ามาสนับสนุนทีหลังได้ หลังจากภาพรวมมองผ่านไปแล้ว และเราบริษัท คอนเวเยอร์ไกด์ จำกัด(Conveyor Guide Co.,Ltd. ) จะพยายามทำหน้าที่ฉายภาพรวมและภาพรายละเอียดแต่ละชิ้นของส่วนประกอบย่อย ๆของภาพนั้น โดยเราจะแสวงหาข้อมูลอย่างครบถ้วนรอบด้านที่ผู้บริโภคอยากรู้...แต่คนอื่น (ผู้ขายมากราย)ไม่บอกโดยหวังว่าจะเก็บสิ่งที่ผู้บริโภคไม่รู้นี้ไว้ต่อรอง...แต่สำหรับConveyor Guide เรื่องการแบ่งปันความรู้แล้เราจะสร้างประสบการณ์ร่วมใหม่ๆร่วมกับผู้บริโภค...โดยเราจะทำตัวเป็นโทรโข่งตรงข้ามกับคนอื่น...เขาปิด-เราจะเปิด...เขาเงียบ-เราจะตะโกน...เหมือน Motto ที่เราเอ่ยถึงอยู่เสมอๆว่า“Together We Share บอกทุกเรื่องที่คนอื่นไม่อยากให้คุณรู้ เพราะเราถือว่ายิ่งผู้บริโภคมีความรู้มากขึ้นเท่าไหร่ ทุกคนยิ่งจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นเท่านั้น เนื่องจากเราถือว่าความสำเร็จของผู้บริโภคคือแหล่งที่มารายได้ของเรา ดังนั้นเราจึงมีหน้าที่สร้างความรู้และช่วยเหลือผู้บริโภคอย่างเต็มที่เท่าที่แรงงานและสติปัญญาของเราพึงมี